ข้อมูล
ก่อนอื่นให้ตรวจสอบสภาพความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง แนะนำให้เคลื่อนย้ายตัวไปยังที่ปลอดภัยและป้องกันอันตรายเพิ่มเติม (ถ้าเป็นไปได้)
โทรหาหน่วยกู้ชีพหรือเบอร์เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินที่เหมาะสม (เช่น 191 หรือ 1669 ในประเทศไทย) เพื่อรับการช่วยเหลือในกรณีที่มีบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุรุนแรง
ติดต่อกับบริษัทประกันภัยของคุณโดยเร็วที่สุดเมื่อคุณเป็นไปต้องการการเคลม สามารถใช้เบอร์ติดต่อที่ระบุในกรมธรรม์ประกันภัยหรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ที่บริษัทได้ระบุไว้
ให้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องและละเอียดอ่อนเพื่อให้บริษัทประกันภัยเข้าใจสถานการณ์อย่างถูกต้อง อาจมีการถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันเวลาเหตุการณ์ สถานที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รายละเอียดผู้เอาประกันภัย และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
อ่านและทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขการเคลมของนโยบายประกันภัยของคุณ ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองความเสียหาย สิทธิประโยชน์ และขั้นตอนในการเคลม
แจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่บริษัทประกันภัยของคุณร้องขอ เช่น รายงานเหตุการณ์ ใบเสร็จค่าใช้จ่าย รายละเอียดการซ่อมแซม (หากมี) และเอกสารอื่น ๆ ที่บริษัทต้องการ
ติดตามสถานะของการเคลมของคุณผ่านช่องทางที่บริษัทประกันภัยได้ระบุ เช่น การติดต่อทางโทรศัพท์ อีเมล หรือแอปพลิเคชัน
พิจารณาข้อเสนอและการชดเชยที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจรายละเอียดและสิทธิประโยชน์ที่คุณได้รับ
หากคุณได้รับการชดเชยค่าเสียหาย คุณสามารถเลือกซ่อมรถยนต์ที่อู่ที่ได้รับการแนะนำจากบริษัทประกันภัยหรือเลือกอู่ที่คุณเชื่อถือได้ หากมีการชำระส่วนเบี้ยส่วนต่าง จะต้องชำระเงินด้วยตนเอง
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนทั่วไป แต่อย่าลืมทราบว่ารายละเอียดและขั้นตอนการเคลมอาจแตกต่างกันไป ทางพาราไดซ์ โทเคน เซอร์วิส ยินดีให้คำปรึกษา
คำตอบ
คำตอบ
คำตอบ
คำตอบ
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท พาราไดซ์ โทเคน เซอร์วิส จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความรับผิดชอบของบริษัท เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (“การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (“เจ้าของข้อมูล”)
บริษัทยึดค่านิยมที่ถือว่า ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่เจ้าของข้อมูลมีให้แก่บริษัท เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งสำหรับบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะจัดการให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) มีวัตถุประสงค์ที่จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลได้ทราบดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลจะต้องอ่านและทำความเข้าใจนโยบายฉบับนี้อย่างละเอียด ดังนี้
อนึ่ง วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยในข้อ 3. รวมถึงวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้:
เจ้าของข้อมูลอาจเลือกที่จะไม่ให้บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลบางประการที่บริษัท ร้องขอ อย่างไรก็ดี การที่เจ้าของข้อมูลเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลบางประการดังกล่าว อาจเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทกับเจ้าของข้อมูล หรือต่อการขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการของบริษัทต่อเจ้าของข้อมูล หรือต่อการตอบสนองต่อข้อร้องขออื่นๆ ของเจ้าของข้อมูลได้ เช่น บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการเพื่อเข้าทำสัญญาประกันกับเจ้าของข้อมูลได้ หรือ บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือ บริการของบริษัท รวมถึงการให้บริการเกี่ยวกับการเรียกร้อง ค่าสินไหมทดแทน การจ่ายผลประโยชน์หรือเงินอื่นใดตามกรมธรรม์ให้แก่เจ้าของข้อมูลได้
บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บ เพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่เจ้าของข้อมูลสิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือ การติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือระยะเวลาตามสมควร เมื่อมีการร้องขอตามช่องทางการขอใช้สิทธิด้านล่าง โดยบริษัทอาจขอสงวนสิทธิไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับจะอนุญาต
ช่องทางการขอใช้สิทธิ
เจ้าของข้อมูลสามารถส่งคำร้องขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลได้ตามช่องทางด้านล่าง
ไปรษณีย์
เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่เจ้าของข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท บริษัทจำต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ ที่อยู่อีเมล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ (ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่) และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ดังระบุในนโยบายฉบับนี้ เพื่อใช้ในการดำเนินการ ส่งเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายและการสื่อสารการตลาดทางตรงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการของ บริษัท คำแนะนำและข้อมูลในเรื่องต่างๆ ซึ่งรวมถึงการประกัน และ เงินบำนาญ ตลอดจนการบริหารความมั่งคั่ง การลงทุน การธนาคาร บริการทางการเงิน การรักษาทางการแพทย์/การรักษาเกี่ยวกับสุขภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ การจ้างงาน การฝึกอบรม โปรแกรมให้รางวัล/ให้ผลประโยชน์สำหรับการเป็นลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์/ให้สิทธิพิเศษ กิจกรรมการกุศล/กิจกรรมที่ไม่หวังผล และ การจัดกิจกรรมทางการตลาด การประกวด จับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์ และการแข่งขันต่างๆ ซึ่งเจ้าของข้อมูลเลือกที่จะเข้าร่วม
ข้อกำหนดและเงื่อนไข