รักอิสรภาพบนสองล้อ…แต่อย่าให้ ” ล้ม ” ครั้งเดียว พังทั้งอิสรภาพการเงิน
สวัสดีครับชาวไบค์เกอร์ ผมรู้ว่าหัวใจของเราเหมือนกัน นั่นคือ ” ความรักในอิสระ ” ที่ได้บิดคันเร่ง ออกไปสัมผัสโลกกว้างบนรถคู่ใจ บิ๊กไบค์ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่มันคือตัวตนและความฝันของเรา
แต่คุณรู้ไหมครับว่า ” ความฝัน ” เหล่านี้เปราะบางแค่ไหน อุบัติเหตุเพียงเสี้ยววินาที หรือแม้แต่การ ” ล้มแปะ ” เบาๆ ในลานจอดรถ อาจสร้าง ” ฝันร้าย ” ทางการเงินให้คุณได้ในพริบตา
หลายคนคิดว่า ” ฉันมี พ.ร.บ. แล้ว สบายใจได้ “…..นี่คือ ” กับดัก ” ที่อันตรายที่สุดที่ไบค์เกอร์ส่วนใหญ่ติดครับ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า พ.ร.บ. อย่างเดียว…ไม่เคยพอสำหรับคนขี่บิ๊กไบค์
ประกันภัยบิ๊กไบค์คืออะไร (ฉบับเข้าใจง่าย)
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า “ การป้องกัน ” คุ้มครองรถของเรามี 2 ชั้น
ประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) คือสิ่งที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี
ประกันภาคสมัครใจ (ชั้น 1 , 2+ , 3+) คือ “ การป้องกันเพิ่มเติม ” ที่คนรักรถต้องมีเพิ่มและเป็นสิ่งที่เราจะคุยกันวันนี้
เจาะลึก “พ.ร.บ.” (ภาคบังคับ) ที่คุ้มครอง ” คน ” แต่ไม่ได้คุ้มครอง ” รถ “
พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) เป็นระบบที่ดีมากครับ แต่วัตถุประสงค์หลักของมันคือการดูแล ” คน ” เท่านั้น
ข้อดีของ พ.ร.บ. (ที่คุณต้องรู้)
- ดูแลค่ารักษาพยาบาล คุ้มครอง ” ทุกคน ” ที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นตัวคุณ, คนซ้อน, หรือคู่กรณี
- จ่ายเร็วก่อนพิสูจน์ผิด พ.ร.บ. จะจ่าย ” ค่าเสียหายเบื้องต้น ” (เช่น ค่ารักษาพยาบาลตามจริง) ให้คุณทันทีในวงเงินสูงสุด 30,000 บาท โดยยังไม่ต้องรอว่าใครถูกใครผิด
- “ ล้มเอง ” ก็เบิกได้ (เฉพาะค่ารักษา) นี่คือสิ่งที่หลายคนไม่รู้แม้คุณจะขี่ไปล้มเอง ไม่มีคู่กรณี คุณก็ยังใช้สิทธิ์ พ.ร.บ. ของรถตัวเอง เพื่อเบิก ” ค่ารักษาพยาบาล “ เบื้องต้นได้
พ.ร.บ.คุ้มครอง ” คน ” ได้ยอดเยี่ยม แต่มี ” ช่องโหว่ ” สำคัญที่ พ.ร.บ. ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ดูแล นั่นคือ “ ความเสียหายต่อทรัพย์สิน “
ลองนึกภาพตามนะครับ หากเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่เสียหายมี 2 อย่างคือ ” คน ” และ ” รถ ” พ.ร.บ.จะเข้ามาดูแล ” คน ” คำถามคือ แล้วใครจะจ่ายค่าซ่อม ” บิ๊กไบค์ ” ของเราและที่น่ากลัวกว่า ใครจะจ่ายค่าซ่อม ” รถคู่กรณี ” เช่น รถหรู BENZ , BMW ที่เราอาจไปชน
คำตอบคือ “ คุณต้องจ่ายเองทั้งหมด ” ถ้าคุณมีแค่ พ.ร.บ. ครับ
ทำไม “ ล้มแปะ ” ทีเดียว…..ถึงเจ็บหนัก , ทำไม “ ช่องโหว่ ” นี้ถึงอันตรายสำหรับชาวไบค์เกอร์
เพราะบิ๊กไบค์เป็นรถที่มีราคาสูงและที่สำคัญคือ “ ค่าอะไหล่แพงมาก ” เราไม่ได้พูดถึงอุบัติเหตุชนหนักๆ นะครับ เอาแค่ ” ล้มแปะ ” (การล้มแบบไม่มีคู่กรณีในความเร็วต่ำ)
มีเคสตัวอย่างที่ไบค์เกอร์ทำรถ “ล้มแปะ” ในลานจอดรถ หน้าปัดเรือนไมล์แตก ขอบไฟหน้าถลอก
ลองเช็กราคาศูนย์ฯ แค่เรือนไมล์ก็ 18,000 บาทแล้ว
ในสถานการณ์นี้ พ.ร.บ. จะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล หากคุณมีแผลถลอกที่เข่า แต่พ.ร.บ.จะไม่จ่ายค่าซ่อมเรือนไมล์ 18,000 บาทนั้นแม้แต่บาทเดียว นี่คือ ” กับดักการเงิน “
ที่ไบค์เกอร์ส่วนใหญ่ต้องควักเงินจ่ายเอง ทั้งที่มีประกันที่ออกแบบมาเพื่อปิดความเสี่ยงนี้โดยเฉพาะ
“ ประกันภาคสมัครใจ ” คือคำตอบของคนรักอิสรภาพ
“ ประกันภาคสมัครใจ ” (เชั้น 1 , 2+ , 3+) คือ “ สิ่งป้องกัน ” ที่จะเข้ามาอุดช่องโหว่ทั้งหมดที่ พ.ร.บ. ทิ้งไว้ ประโยชน์หลักๆ ที่คุณจะได้รับทันที มี 3 ข้อใหญ่ๆ คือ
- คุ้มครอง ” รถเรา “ ไม่ว่าจะเป็นการชนกับรถคันอื่นหรือแม้แต่การ “ล้มแปะ” (ในกรณีประกันชั้น 1) บริษัทประกันจะจ่ายค่าซ่อมรถให้คุณตามทุนประกัน
- คุ้มครอง ” รถคู่กรณี “ นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด ถ้าเราเป็นฝ่ายผิด ประกันจะรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายต่อทรัพย์สินคู่กรณี (เช่น รถหรูคันนั้น) แทนเราทั้งหมด
- คุ้มครอง ” ตัวเรา “ ที่มากขึ้น ประกันภาคสมัครใจมักจะพ่วงความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลและค่ารักษาพยาบาล ที่ให้วงเงิน ” สูงกว่า ” ที่ พ.ร.บ.ให้และยังมี ” ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ ” ในกรณีที่เหตุการณ์บานปลายเป็นคดีอาญา
การขี่บิ๊กไบค์โดยมีแค่ พ.ร.บ. ก็เปรียบเหมือน ” การป้องกันแค่ครึ่งเดียว “ครับ มันคุ้มครอง ” คน ” แต่ปล่อยให้ ” รถ ” และ ” กระเป๋าเงิน ” ของคุณเสี่ยงอันตรายอย่างมหันต์ อย่าปล่อยให้การล้มเพียงครั้งเดียว หรืออุบัติเหตุเพียงเสี้ยววินาที มาทำลายเงินเก็บและความฝันในการขับขี่ของคุณไป