ประกันอัคคีภัย
คุ้มครองทรัพย์สินคุณ พร้อมรองรับความเสี่ยงทางการเงิน
ป้องกันความเสียหายใหญ่ ด้วยค่าเบี้ยที่จ่ายไหว
สัญญาประกันที่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยจากการสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของตนเองจากอัคคีภัย หรือ ไฟไหม้ และเหตุการณ์ที่มีสาเหตุมาจากไฟ
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน, อพาร์ทเมนต์, หรือธุรกิจของคุณ ถ้าเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยขึ้น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือคืนค่าทรัพย์สินที่เสียหายจะได้รับการครอบคลุม ทำให้คุณไม่ต้องหวั่นว่าจะต้องเผชิญกับภาระทางการเงินที่หนักหน่วง
ประกันอัคคีภัย เป็นทางออกที่ดีสำหรับความปลอดภัยของทรัพย์สิน และให้ความมั่นใจทางการเงินในกรณีที่เกิดอัคคีภัย
เหมาะสำหรับเจ้าของบ้าน เจ้าของกิจการ เจ้าของโกดัง หรือผู้ประกอบการที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากภัยรุนแรงที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก
1.ไฟไหม้
2. ฟ้าผ่า (รวมถึงการลัดวงจรจากฟ้าผ่า)
3. ระเบิด
4. ภัยจากการเฉี่ยวชนของยานพาหนะ หรือสัตว์พาหนะ
5. ภัยจากอากาศยาน และหรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน ยกเว้นจรวดที่เป็นอาวุธ
6. ภัยเนื่องจากน้ำ อันเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุจากการปล่อย
7. ภัยจากลมพายุ
8. ภัยจากน้ำท่วม
9. ภัยจากแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นใต้น้ำ หรือสึนามิ ที่มีสาเหตุจากธรรมชาติ ยกเว้นภัยแผ่นดินไหว ภุเข้าไฟระเบิด อันเกิดจากวัตถุใด ๆ จากอวกาศ
10. ภัยจากลูกเห็บ ให้หมายความรวมถึง น้ำฝน น้ำค้างแข็ง หิมะ ทราย หรือ ฝุ่นละอองดังกล่าวไหลผ่านเข้าไปในอาคาร
บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ทุกภัยรวมกันแล้วไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี
ทุนประกันควรพิจารณาจาก “มูลค่าปัจจุบันของตัวอาคาร + ทรัพย์สินภายใน” เพื่อให้เคลมได้เต็มจำนวน
ของมีค่า เช่น ทองคำ งานศิลป์ ต้องแจ้งแยกหรือซื้อความคุ้มครองพิเศษ
ความคุ้มครองแต่ละรายการ ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก และต้องอ่านรายละเอียดเงื่อนไขของกรมธรรม์ให้ครบถ้วน
ได้ หากเป็นเจ้าของบ้านหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของในการทำประกัน
ได้ หากไม่เกิดจากเจตนา ประกันยังคงให้ความคุ้มครอง
ควรระบุรายการสำคัญหรือของมีค่ามาก เพื่อประเมินความคุ้มครองและวงเงินให้เหมาะสม
ทำได้ แต่ต้องแจ้งบริษัทประกันล่วงหน้า เพราะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับลูกค้า และ/หรือผู้เอาประกัน)
บริษัท พาราไดซ์ โทเคน เซอร์วิส จำกัด
บริษัท พาราไดซ์ โทเคน เซอร์วิส จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความรับผิดชอบของบริษัท เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (“การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (“เจ้าของข้อมูล”)
บริษัทยึดค่านิยมที่ถือว่า ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่เจ้าของข้อมูลมีให้แก่บริษัท เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งสำหรับบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะจัดการให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบาย”) มีวัตถุประสงค์ที่จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลได้ทราบดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลจะต้องอ่านและทำความเข้าใจนโยบายฉบับนี้อย่างละเอียด ดังนี้
อนึ่ง วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยในข้อ 3. รวมถึงวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้:
เจ้าของข้อมูลอาจเลือกที่จะไม่ให้บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลบางประการที่บริษัท ร้องขอ อย่างไรก็ดี การที่เจ้าของข้อมูลเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลบางประการดังกล่าว อาจเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทกับเจ้าของข้อมูล หรือต่อการขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการของบริษัทต่อเจ้าของข้อมูล หรือต่อการตอบสนองต่อข้อร้องขออื่นๆ ของเจ้าของข้อมูลได้ เช่น บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการเพื่อเข้าทำสัญญาประกันกับเจ้าของข้อมูลได้ หรือ บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือ บริการของบริษัท รวมถึงการให้บริการเกี่ยวกับการเรียกร้อง ค่าสินไหมทดแทน การจ่ายผลประโยชน์หรือเงินอื่นใดตามกรมธรรม์ให้แก่เจ้าของข้อมูลได้
บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บ เพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่เจ้าของข้อมูลสิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือ การติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือระยะเวลาตามสมควร เมื่อมีการร้องขอตามช่องทางการขอใช้สิทธิด้านล่าง โดยบริษัทอาจขอสงวนสิทธิไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับจะอนุญาต
ช่องทางการขอใช้สิทธิ
เจ้าของข้อมูลสามารถส่งคำร้องขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลได้ตามช่องทางด้านล่าง
ไปรษณีย์
เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่เจ้าของข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท บริษัทจำต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ได้แก่ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ ที่อยู่อีเมล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ (ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่) และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ดังระบุในนโยบายฉบับนี้ เพื่อใช้ในการดำเนินการ ส่งเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายและการสื่อสารการตลาดทางตรงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการของ บริษัท คำแนะนำและข้อมูลในเรื่องต่างๆ ซึ่งรวมถึงการประกัน และ เงินบำนาญ ตลอดจนการบริหารความมั่งคั่ง การลงทุน การธนาคาร บริการทางการเงิน การรักษาทางการแพทย์/การรักษาเกี่ยวกับสุขภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ การจ้างงาน การฝึกอบรม โปรแกรมให้รางวัล/ให้ผลประโยชน์สำหรับการเป็นลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์/ให้สิทธิพิเศษ กิจกรรมการกุศล/กิจกรรมที่ไม่หวังผล และ การจัดกิจกรรมทางการตลาด การประกวด จับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์ และการแข่งขันต่างๆ ซึ่งเจ้าของข้อมูลเลือกที่จะเข้าร่วม
ข้อกำหนดและเงื่อนไข